
ทำไมถึงเลือกฟิลิปปินส์?
เหตุผลหลักที่ทำให้เลือกฟิลิปปินส์สำหรับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้คือความรู้สึกที่ว่า ฟิลิปปินส์มีภาคเกษตรกรรมและลักษณะทางภูมิศาสตร์คล้ายประเทศไทยมากค่ะ เราต่างก็เป็นประเทศในเขตร้อนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีภูมิประเทศที่เป็นเกาะ มีทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่สูง ทำให้การเกษตรของเรามีพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าว พืชไร่ หรือพืชสวนต่างๆ เราชื่อว่าความคล้ายๆกันเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเรียนรู้และเปรียบเทียบเทคนิคและเทคโนโลยีในการทำการเกษตร แนวทางการจัดการทรัพยากร และแม้กระทั่งความท้าทายที่เกษตรกรทั้งสองประเทศเผชิญอยู่ค่ะ
สวัสดีค่ะ เราชื่อฟิล์มนะคะ ยินดีต้อนรับสู่ FILM’s Filipino Journey ค่ะ รู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้มาแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับความสนใจของเราและเป้าหมายในการเดินทางไปแลกเปลี่ยนที่ฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ค่ะ เราเป็นคนเชียงใหม่ 100% ค่ะ ที่บ้านเราทำไร่ ทำสวนตั้งแต่รุ่นทวดเลยทีเดียวค่ะ ทำรุ่นต่อรุ่นมาเรื่อยๆจนวันหนึ่งพื้นที่ทำการเกษตรของที่บ้านเรามีปัญหาค่ะ แต่ตอนนั้นเรายังเด็กมากๆ ไม่มีความรู้ที่จะช่วยปัญหานี้ได้เลยค่ะ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจเข้าศึกษาปริญญาตรีที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ จนตอนนี้ล่วงเลยมาเรียนปริญญาโท สาขา Environmental Soil Science คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ สิ่งที่คาดหวังกับการเรียนก็คือการนำไปใช้ได้จริงค่ะ เราอยากเห็นเกษตรกรไทยมีการจัดการดิน ปุ๋ย และน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ตอนแรกเรามองแค่การแก้ปัญหาให้พื้นที่ทำการเกษตรของครอบครัว แต่ตอนนี้เราคิดว่าถ้าเรามีความรู้ มีเทคโนโลยี มีความร่วมมือกับหลายๆภาคส่วน เราจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่พื้นที่เดียวคะ แต่เราจะเปลี่ยนแปลงได้เป็นวงกว้าง


อยากไปเปิดประสบการณ์ด้านไหนเป็นพิเศษ?
แน่นอนว่าในฐานะนักศึกษาเกษตร เรามีประสบการณ์ด้านการนำเสนอผลงานวิชาการ และได้ไปดูงานหลายประเทศค่ะ แต่เราอยากไปเรียนรู้เทคนิค เทคโนโลยีและนวัตกรรมการทำเกษตรของฟิลิปปินส์ค่ะ อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าเกษตรกรที่นั่นเขาปรับตัวและพัฒนากันอย่างไรในการเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และการใช้เทคโนโลยีท้องถิ่นมาปรับใช้กับการเกษตรค่ะ เราตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ไป ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเกษตรกรเจ้าบ้าน (Host Family) เพราะเราเชื่อว่านี่คือโอกาสทองที่จะได้สัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของชาวฟิลิปปินส์อย่างแท้จริงค่ะ อยากเรียนรู้จากชีวิตประจำวันของพวกเขา ทั้งเรื่องการกิน การอยู่ การทำงาน และการใช้ชีวิตร่วมกับชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากตำราเรียนนะคะ ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลย!!! การแลกเปลี่ยนครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษค่ะ รวมถึงการเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม การได้พบปะและสร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกทัศน์และทำให้เราเป็นคนที่มีความเข้าใจและเคารพในความหลากหลายมากขึ้นค่ะ
🌎 เราเชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ และหวังว่าจะได้นำประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับกลับมาต่อยอดและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไปค่ะ ฝากติดตามเราในฐานะตัวแทนประเทศไทยหน่อยนะคะ แล้วเจอกันตอนต่อไปนะคะทุกคน ขอบคุณค่ะ (Thank you!) ✈️
FILM’s Filipino Journey 🇵🇭🎬 (2)
ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่การเดินทางไปฟิลิปปินส์ครั้งแรกของพวกเราค่ะ วันที่ 3 สิงหาคม เราถึงฟิลิปปินส์กันแล้วววว


และที่นี่คือเมืองโรซาริโอ (Rosario) ในจังหวัดบาตังกัสซึ่งเป็นเทศบาลแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ที่มีประชากรราว 128,352 คน และมีฉายาว่าเป็น “แหล่งข้าวของบาตังกัส” หรือ “เมืองหลวงอุตสาหกรรมเกษตรของภาคใต้ตากาล็อก” โฮสต์คนแรกของพวกเราคือคุณ Rolando Rocapor (ซึ่งเป็นเจ้าของ Rocapor Farm) คุณ Rolando ใจดีมากๆ ไปรับพวกเราจากสนามบินไปที่ฟาร์มโดยใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชั่้วโมง
พวกเราเริ่มต้นวันแรกด้วยการปั่นเรือในบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อเติมออกซิเจนให้กับน้ำ บ่อบำบัดนี้เป็นของ Rocapor Farm มีทั้งการเกษตร (ปลูกข้าว ข้าวโพด) ฟาร์มไก่ และปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อให้นักศึกษา ชาวบ้าน ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ ตอนเย็นของทุกวันจะมีอาจารย์และนักศึกษาเข้ามาให้ความรู้เรื่องวิจัยของพวกเขา และสอนทำ พวกเราโชคดีมากที่ได้ลองทำ Pendant necklace ที่ผลิตจากมันสำปะหลัง (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยค่ะ ตั้งใจฟังมากๆ จนลืมถ่ายเก็บไว้เลยย) เนื่องจากมันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ แต่ปัจจุบันการปลูกมันสำปะหลังมีมากเกินความต้องการของตลาด จึงเหลือเป็นเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเยอะมาก
วันที่สอง และสาม พวกเราได้ไปดูงานหลายฟาร์มมาก และความคาดหวังของหนูคือการได้ไปดูการจัดการดินและแปลงเกษตร คนฟิลิปปินส์เป็นเกษตรอินทรีย์ 100% ใช้แรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ (ไม่ใช้เครื่องจักร) และที่สำคัญไม่ใช้ยากำจัดศัตรูพืช หรือ ยากำจัดวัชพืช เลยยยย รักที่นี่มากกกกกกกค่ะ






วันนี้พวกเราต้องย้ายโฮสต์กันแล้วค่ะ พวกเราย้ายไป Aklan (อัคลัน) คือ จังหวัดหนึ่งของประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ในภูมิภาค วิซายัสตะวันตก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะปาไน จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจาก เกาะโบราเคย์ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังเป็นที่ตั้งของ เทศกาลอะติฮาน (Ati-atihan Festival) ที่เมืองคาลิโบอีกด้วย อัคลันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มีชายหาดที่สวยงาม น้ำตก และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ พวกเราถึง Aklan ได้รับการต้อนรับอย่างดี อบอุ่นมากกก มีคุณ Rudy คุณ Jonard และ คุณ Chai มาต้อนรับเราอย่างดี พวกเราได้ไปชมฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีการปลูกผักแบบไฮโดรโปรนิกส์ และเลี้ยงกุ้ง ปลา (ที่สำคัญผักปลอดภัยไร้สารพิษ พวกเราทดลองชิมกันสดๆเลยทีเดียววว)
วันถัดมาพวกเราก็ได้เดินทางไป เกาะโบราเคย์ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ทะเลสวยมากกกกก กิจกรรมแน่น ขออนุญาตอวดเป็นรูปภาพเลยแล้วกันค่ะ









ถึงเวลากลับมาเมือง Aklan แล้ววว หลังจากกลับมาจาก เกาะโบราเคย์ พวกเราก็ได้ไปดูงานบ้านสวนของคุณ Jonard และได้ลองตกปลา (ครั้งแรกของเราเลย แต่เราตกได้เยอะสุด คือ 4 ตัวเชียวนะ) วันต่อมาพวกเราได้เข้าพบ Mayer ของเมือง Aklan ก่อนที่จะเดินทางไปเมือง Capiz (เมืองสุดท้ายแล้ว)




สวัสดี Capiz เกล็ดความรู้คือจังหวัดคาปิซ (ฮีลีไกโนน: Kapuoran sang Capiz; ฟิลิปปินส์: Lalawigan ng Capiz) เป็นจังหวัดในเขตคันลูรังคาบีซายาอัน ประเทศฟิลิปปินส์ มีเมืองหลักคือโรซัส และตั้งอยู่ทางตะวันทางออกเฉียงเหนือของเกาะปาไนย์ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดอักลันทางทิศเหนือ จังหวัดอันตีเกทางทิศตะวันตก และจังหวัดอีโลอีโลทางทิศใต้ คาปิซมีพื้นที่ติดกับทะเลซีบูยันทางทิศเหนือ
จังหวัดคาปิซเป็นแหล่งของหอยกระจกที่ใช้ในการตกแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ และยังได้รับฉายา “เมืองแห่งอาหารทะเลของฟิลิปปินส์ และติด 15 อันดับแรก สถานที่ที่คนไปเยี่ยมเยือนมากที่สุดในประเทศ คาปิซมีหินปะการังที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ที่ โบสถ์ซันตาโมนีคา ในเมืองปาไนย์ และยังเป็นที่ตั้งของระฆังโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย!!!!!
การต้อนรับที่นี่อบอุ่นมาก เริ่มจากการพาไปกินข้าวเที่ยงริมทะเล และได้ของฝากเป็นโคมไฟจากเปลือกหอย เพราะว่าเปลือกหอยในเมืองคาปิซ สามารถพบได้มาก ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นจะเก็บมาทำเป็นบานหน้าต่างและของตกแต่งบ้าน ถือเป็นภูมิปัญญาหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวฟิลิปปินส์ แต่ในปัจจุบัน ความนิยมในการใช้เปลือกหอยน้อยลง เพราะมีสินค้าราคาถูกหลั่งไหลเข้ามาแทนที่ ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันกลับมาสนใจในการใช้งานเปลือกหอยอีกครั้ง และอุตสาหกรรมงานฝีมือดั้งเดิมนี้อยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน จึงเกิดการวิจัยเพื่อหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการใช้เปลือกหอยคาปิซ หนึ่งในนั้นคือการนำมาทำเป็นโคมโฟ ที่ใช้เทคนิคการเย็บ การเชื่อม และการติด ซึ่งนำเอาองค์ความรู้ของช่างฝีมือเปลือกหอยคาปิซมาต่อยอด จนกลายเป็นผลงานที่งดงาม และมีสไตล์ โดยกระบวนการทำงานทั้งหมดให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ลดขยะภายในชุมชน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน รวมทั้งรักษาภูมิปัญญาดั้งเดิมให้คงอยู่สืบไป


เช้าวันใหม่ วันนี้พวกเราเดินทางไปฟาร์มโกโก้ที่มีขนาดพื้นที่ 10 กว่าไร่ ที่สำคัญไม่ใช้เครื่องจักร No perticide! No herbicide! ฟาร์มที่นี่ใช้คนเป็นแรงงานเพื่อควบคุมแมลง รวมถึงขั้นตอนการผลิตโกโก้!! เริ่มจากตากโกโก้ไปจนถึงขั้นตอนแปรรูป ฟาร์มที่นี่พิเศษมากคือเขาใช้เมือกที่เหลือทิ้งจากการล้างโกโก้ นำไปผลิตเป็นสารกำจัดศัตรูพืชแบบออแกนิค 100% แทบจะไม่เหลือ waste ทุกขั้นตอนการผลิตเลยค่ะ
จากนั้นพวกเราเดินทางไปศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนี้ ได้เรียนรู้การจัดการพืช ดิน และปุ๋ยหมัก ค่ะ ถึงประเทศไทยจะพัฒนาเยอะกว่าแต่การได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบเก่าถือเป็นสิ่งที่ดีมาก และเราก็ควรรักษาไว้ค่ะ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพวกเราในเมือง Capiz คุณ Lorraine Ballos Trinidad โฮสต์ที่เมืองนี้ใจดีมาก ทำอาหารมาให้พวกเรากิน (แต่ไม่มีรูปแฮะะ) ปูกล้ามใหญ่มากกก กุ้ง ไก่ และมีซอสพื้นเมือง อร่อยมากกกกกกกกกก





วันนี้พวกเราอยู่เมืองมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์แล้ว หนูรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย เนื่องจากเป็นภูมิแพ้ แต่คุณ Chai ซื้อยามาให้ด้วย คนที่นี่น่ารักมากๆเลยค่ะ
วันนี้พวกเราได้ไปพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ คือ พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดประธานาธิบดี (Presidential Museum and Library) ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของทำเนียบมาลากาญัง (Malacañang Palace) โดยมีหน้าที่อนุรักษ์และส่งเสริมประวัติศาสตร์ของทำเนียบประธานาธิบดีและประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
จากนั้นพวกเราเดินทางไปสวนไรซาล เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ที่อยู่ในกรุงมะนิลา สวนไรซาล(Rizal Park) หรือ เรียกอีกชื่อว่าลูเนต้า(Luneta) เพราะพื้นที่มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์ และเป็นศูนย์กลางหลักสำหรับวิถีชีวิตของชาวมะนิลา สวนสาธารณะใจกลางกรุงมะนิลาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ เล่นกีฬา และซึมซับมรดกทางวัฒนธรรมของบ้านเมือง สวนไรซาลมีเนื้อที่ครอบคลุม 143 ไร่ โดยประมาณแล้วก็เป็น 1 ใน 3 ของพื้นที่สวนลุมบ้านเราซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวนไรซาลสร้างขึ้นในปี 1913 เพื่ออุทิศแด่ ดร.โฮเซ่ ไรซาล (Dr.Jose Rizal) วีรบุรุษผู้นำการต่อต้านระบบอาณานิคมของสเปน ที่ช่วงปีค.ศ. 1896-1898 อนุสาวรีย์ของเขาตั้งโดดเด่นอยู่กลางผืนหญ้าเขียวขจี และในบริเวณเดียวกันมีเสาธงอันแสดงถึงบริเวณที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.. 1941 ยิ่งไปกว่านั้นอนุสาวรีย์นี้ยังมีความสำคัญในฐานะเป็นหลักกิโลเมตรสำหรับนับระยะถนนสายต่างๆ บนเกาะลูซอนซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์อีกด้วย สวนแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นสถานที่จัดแสดงมินิคอนเสิร์ตกลางแจ้งทุกวันอาทิตย์ ส่วนในช่วงเย็นชาวเมืองก็มักจะมาจ๊อกกิ้งหรือปิกนิกกันที่สวนแห่งนี้ ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินไปกับพิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรม หรือ เดินเล่นสบายๆ ในสวนญี่ปุ่นและสวนจีน ช่วงเวลาเช้า ผู้คนจะมาออกกำลังกายและเล่นไทชิบริเวณสวน




วันนี้วันเกิดคุณ Rudy พวกเรามาร่วมงานวันเกิด ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้คุณ Rudy และคุณ Rudy ก็ให้พรพวกเราก่อนกลับไทย พรุ่งนี้แล้วววว


วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ที่ฟิลิปปินส์ค่ะ ประเทศที่กลายมาเป็นบ้านอีกหลังในช่วงเวลาหนึ่งเลย มันยากที่จะบอกลาสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและผู้คนที่แสนน่ารักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ หนูรู้สึกขอบคุณจากใจจริงสำหรับทุกประสบการณ์ที่ได้รับ
หนูประทับใจในความน่ารักและเป็นมิตรของคนฟิลิปปินส์อย่างไม่รู้ลืม ทุกรอยยิ้ม คำทักทาย และความช่วยเหลือที่ได้รับ ทำให้หนูรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอ พวกเขาไม่ได้แค่เปิดประตูบ้าน แต่ยังเปิดหัวใจต้อนรับพวกเราอย่างแท้จริงค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูจะจดจำไปตลอดชีวิต
การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แต่ยังเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ ฉันได้ความรู้มากมายที่ไม่เพียงแค่ในห้องเรียน แต่ยังรวมถึงบทเรียนชีวิตที่หาไม่ได้จากตำรา แม้บางครั้งจะรู้สึกเหนื่อยล้าจนเกือบถอดใจ แต่ความมุ่งมั่นและกำลังใจที่ได้รับจากเพื่อนที่ไปด้วยกันทำให้ฉันก้าวผ่านอุปสรรคมาได้ในที่สุด (รักนะพวกเธอ)
ฟิลิปปินส์จะเป็นที่ที่พิเศษในใจหนูเสมอค่ะ หนูจะเก็บทุกความทรงจำดีๆ นี้ไว้เป็นแรงบันดาลใจและพลังงานบวกในการใช้ชีวิตต่อไป หวังว่าสักวันเราจะได้พบกันใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขและรอยยิ้มที่สดใสในทุกๆ วันนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างค่ะ










